ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (ฝรั่งเศส:
Simon de La Loubère) (21
เมษายน พ.ศ. 2185-26
มีนาคม พ.ศ. 2272)
เป็นราชทูตจากประเทศ ฝรั่งเศส
ได้เดินทางมาประเทศไทยพร้อมกับ เจ้าพระยาโกษาธิบดี
(ปาน) เนื่องด้วยเป็นราชทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับไทย ของพระเจ้าหลุยส์ที่
14 โดยเดินทางมาที่กรุงศรีอยุธยา พร้อมด้วยทหารของฝรั่งเศส
จำนวนประมาณ 600 คน ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สิ่งที่สำคัญของลา ลูแบร์ ก็คือ จดหมายเหตุลา
ลูแบร์บอกถึงชีวิตความเป็นอยู่ สังคม ประเพณี ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
หลายสิ่งหลายอย่างของคนในสมัยกรุงศรีอยุธยาจึงนับได้ว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย
จดหมายเหตุลาลูแบร์ (ฝรั่งเศส:
"Du Royaume de Siam" แปลตามตัวคือ "ว่าด้วยราชอาณาจักรสยาม") เป็นจดหมายเหตุพงศาวดารที่กล่าวถึงราชอาณาจักรสยามในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พ.ศ. 2230 โดย
มองซิเออร์
เดอ ลาลูแบร์ อัครราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่
14 แห่งฝรั่งเศส
ซึ่งเข้ามาทูลพระราชสาส์น ณ ประเทศสยาม ได้พรรณาถึงกรุงศรีอยุธยาไว้อย่างกว้างขวาง
แม้ว่าเขาจะอยู่เพียง 3 เดือน 6 วัน
จึงต้องอาศัยความรู้จากหนังสือที่ชาวตะวันตกซึ่งมากรุงสยามแต่ก่อนแต่งไว้อย่างคลาดเคลื่อนบ้าง
สอบถามจากคนที่ไม่มีความรู้บ้าง ฟังจากคำบอกเล่าซึ่งจริงบ้างไม่จริงบ้าง
บางเรื่องก็คาดเดาเอาเอง
จดหมายเหตุลาลูแบร์ฉบับแปลในประเทศไทยมีอยู่ 2 ฉบับ คือ ฉบับที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงพระนิพนธ์แปล
โดยทรงแปลมาจากฉบับภาษาอังกฤษ และฉบับแปลของสันต์ ท.โกมลบุตร จากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศส
จุดประสงค์ของการเขียน
มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ได้ออกเดินทางจากท่าเรือเมือง เบรสต์ เมื่อวันที่
1
มีนาคม พ.ศ. 2230
มาทอดสมอที่กรุงสยาม เมื่อวันที่ 27
กันยายน พ.ศ. 2230
เดินทางกลับเมื่อวันที่ 3
มกราคม พ.ศ. 2231
ขึ้นบกที่ท่าเรือเมืองเบรสต์ เมื่อวันที่ 27
กรกฎาคม พ.ศ.
2231
ความมุ่งหมายในการเขียน เพ่งเล็งในด้านอาณาเขต ความอุดมสมบูรณ์ คุณภาพของดินในการกสิกรรม
ภูมิอากาศเป็นประการแรก
ต่อมาเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่ว ๆ ไป และเฉพาะเรื่องเฉพาะราย
เรื่องเกี่ยวกับรัฐบาล
และศาสนาจะกล่าวในตอนท้าย
และได้รวบรวมบันทึกความทรงจำ เกี่ยวกับประเทศนี้
ที่เขาได้นำติดตัวมาด้วยไปผนวกไว้ตอนท้าย
และเพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักชาวสยามโดยแจ่มชัด จึงได้เอาความรู้เกี่ยวกับอินเดีย
และจีนหลายประการมาประกอบด้วย
นอกจากนั้นยังได้แถลงว่าจะต้องสืบเสาะให้รู้เรื่องราว พิจารณาสอบถาม
ศึกษาให้ถึงแก่นเท่าที่จะทำได้ ก่อนเดินทางไปถึงประเทศสยาม
ได้อ่านจดหมายเหตุทั้งเก่าและใหม่ บรรดาที่มีผู้เขียนขึ้นไว้เกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ
ในภาคพื้นตะวันออก ถ้าไม่มีสิ่งดังกล่าว เขาอาจใช้เวลาสักสามปี ก็คงไม่ได้ข้อสังเกต
และรู้จักประเทศสยามดี
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น